Pet in Cabin เตรียมตัวอย่างไร

การพาสุนัขขึ้นเครื่องบินแบบ Pet in Cabin (นำสัตว์เลี้ยงขึ้นโดยอยู่ในห้องโดยสารกับเจ้าของ) ต้องมีการเตรียมตัวหลายอย่าง เพื่อให้เป็นไปตามกฎของสายการบินและกฎหมายของประเทศปลายทางครับ ผมสรุปขั้นตอนสำคัญให้เป็นลำดับดังนี้:
ขั้นตอนการเตรียมตัวพาสุนัขขึ้นเครื่อง (Pet in Cabin)
1. ตรวจสอบกฎของสายการบิน
แต่ละสายการบินมีกฎไม่เหมือนกัน เช่น น้ำหนักสัตว์เลี้ยง + กระเป๋าต้องไม่เกิน 710 กิโลกรัม (ขึ้นกับสายการบิน) ต้องใช้ กระเป๋า/เคจ (carrier) ที่ได้รับอนุมัติ ขนาดไม่เกินที่กำหนด (เพื่อวางใต้ที่นั่ง) บางสายการบินจำกัดจำนวนสัตว์เลี้ยงต่อเที่ยวบิน ควรจองล่วงหน้า
2. ตรวจสอบกฎของประเทศปลายทาง
เอกสารสุขภาพสัตว์ (Health Certificate) ออกโดยสัตวแพทย์ที่ได้รับรอง ใบวัคซีนพิษสุนัขบ้า (Rabies vaccination certificate) ที่ยังไม่หมดอายุบางประเทศต้องมี Microchip และตรวจเลือดหา Rabies antibody ประเทศที่เป็น เกาะหรือปลอดโรคพิษสุนัขบ้า (เช่น ญี่ปุ่น อังกฤษ ออสเตรเลีย) มีกฎเข้มงวดมาก ต้องขออนุญาตและกักกัน
3. เตรียมสุขภาพสุนัข
พาสุนัขไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์ 714 วันก่อนบิน ขอใบ Fit-to-fly certificate หลีกเลี่ยงการให้ยานอนหลับ (อันตรายต่อระบบหายใจเมื่ออยู่บนเครื่องบิน) ควรฝึกให้น้องหมาอยู่ในกระเป๋าพกพาล่วงหน้า
4. เลือกและเตรียมอุปกรณ์
Carrier ที่ผ่านมาตรฐาน IATA: ระบายอากาศดี ปิดล็อกแน่นหนา ปู แผ่นซับฉี่ กันเลอะ เตรียมขวดน้ำแบบกันหก และอาหารเล็กน้อย (บางสายการบินไม่อนุญาตให้เปิดกระเป๋าในห้องโดยสาร) ผ้าห่มเล็กหรือของเล่นที่คุ้นเคย เพื่อลดความเครียด
5. วันเดินทาง
พาสุนัขเดิน/ปลดทุกข์ให้เรียบร้อยก่อนเช็กอิน มาถึงสนามบินก่อนเวลาอย่างน้อย 23 ชั่วโมง (เพราะต้องทำเอกสารเพิ่ม) เช็กอินและแจ้งเจ้าหน้าที่ว่ามี Pet in Cabin บนเครื่อง กระเป๋าที่ใส่สุนัขต้องวางใต้เก้าอี้ด้านหน้า ห้ามนำออกมาวางบนตัก
สรุปเอกสารที่ควรเตรียม
- พาสปอร์ตสัตว์เลี้ยง (Pet Passport) หรือใบรับรองสุขภาพ
- ใบรับรองการฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้า
- ใบรับรองสุขภาพ (Fit to Fly) จากสัตวแพทย์
- เอกสารนำเข้า/ใบอนุญาต (กรณีประเทศที่กำหนด เช่น ญี่ปุ่น อังกฤษ)


